วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ความคืบหน้าของสนิม

หลังจากที่ได้เปลี่ยนมาใช้กระดาษกาวแทนกระดาษนั้นก็รู้สึกทำงานได้ดีขึ้น คราวนี้ผมก็จะนำภาพสนิมที่มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน และ แต่ละชนิดของน้ำที่ทาลงบนสนิม มาให้ชมกัน ลองดูความเปลี่ยนแปลงดูว่า มีปฎิกิริยามากน้อยแค่ไหน



ภาพนี้หลังจากพ่นน้ำผสมเกลือลงไปผ่านไป 2 วันครับ



ภาพนี้ถัดจากวันถัดมาแต่ลองทาด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำดู รู้สึกว่าการเกิดสนิมจะไม่ขึ้นเป็นจุดๆ เหมือนน้ำเกลือแต่เป็นคราบมากกว่า ในตอนที่ทาน้ำยาล้างห้องน้ำลงไป สนิมบางชิ้นได้ถูกขจัดออกไป แสดงว่าน้ำยาขัดห้องน้ำก็กัดสนิมเช่นกันแต่เมื่อถูกทิ้งไว้จึงเกิดเป็นคราบแล้วกายเป็นสนิมนั่นเอง



ภาพนี้เป็นวันถัดมาหันมาใช้น้ำเกลือเหมือนเดิม ก็รู้สึกว่าคราบบางที่ได้จากหายไปแต่กลับขึ้นสนิมเป็นเกล็มเล็กๆขึ้นมา ผมคิดว่าอาจเป็นผงเกลือที่เกิดจากการแห้งของน้ำที่พ่นลงไป

ลองมาดูรูปโลกกันบ้างเทคนิคทุกอย่างใช้เหมือนกันหมดแต่เราลองมาดูความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลงของสนิมดู



ภาพนี้ 2 วันหลังจากทาน้ำผสมเกลือ



ภาพนี้วันถัดมาหลังจากทาน้ำยาล้างห้องน้ำ



ภาพนี้เป็นวันถัดมาอีกหลังจากทาน้ำยาล้างห้องน้ำไปแล้วก็กลับมาพ่นน้ำผสมเกลืออีกที

คราวนี้มาดู FONT กันบ้าง



ภาพนี้ 2 วันหลังจากทาน้ำเกลือ



ภาพนี้วันถัดมาแต่เปลี่ยนมาใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ



ภาพนี้วันถัดมาอีกหันกลับมาใช้น้ำผสมเกลือ

และก็มาดู FONT อีกสักแผ่นดูครับ



ภาพนี้ 2 วันหลังจากพ่นน้ำผสมเกลือ



ภาพนี้วันถัดมาหลังจากเปลี่ยนมาใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ



ภาพนี้วันถัดมาหลังจากที่ทาน้ำยาล้างห้องน้ำไปแล้วก็กลับมาพ่นน้ำเกลือีกครั้ง

ตอนนี้ยังเป็นตอนที่ยังไม่ได้แกะกระดาษกาวออกนะครับ รอถึงวันจริงแล้วเดี๋ยวจะลองแกะออกมาดูแล้วจะมาลงใน BLOG อีกทีนะครับ ขอบคุณมากครับ

ปัญหาแรกที่เกิดจากการทำงาน

สวัสดีครับก็เริ่มทำงานมาได้ซักพักนึงแล้วนะครับ ใกล้ถึงวันที่ 05/08/51 แล้วเนื่องจากไม่ได้เจอ 2 อาทิตย์ งานน่าจะมีความคืบหน้าบ้างและก็ต้องเจอปัญหากันบ้าง วันนี้ผมจะมาเล่าปัญหาที่เจอในการทำงาน ( สร้างสนิมให้เกิดรูป ) ( โดยใช้สนิมเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมและมลพิษต่างๆ ) ก็ไปซื้อแผ่นเหล็กมา 5 แผ่นครับ หนาประมาณ 3 มิล ทั้ง 5 แผ่น น้ำหนักรวมกันก็ 8 โล ครับ ขนาดของ size 12 x 9 นิ้ว ครับ เอาหละครับหลังจากบอกลายละเอียดของแผ่นเหล็กไปแล้วคราวนี้มาเริ่มกันเลย ผมเริ่มจากเอาข้อมูลที่ได้มาแล้วปริ้นออกมา แล้วตัดกระดาษส่วนที่ไม่ต้องการทิ้งไปซะ ก็จะได้ประมาณนี้



ภาพนี้เป็นรูปแผนที่โลกครับ



ส่วนภาพนี้เป็นรูปโลกครับ



ส่วนภาพนี้ก็ลองมาใช้กับ Font บ้าง คำที่เลือกมาก็ POWER / STRONG / SAFETY



ส่วนภาพนี้ก็เป็น Font อีกเช่นกัน คำที่หยิบมาใช้เป็น NATURE / NATURAL

ผมทำทั้งหมด 4 แผ่นด้วยกัน หลังจากที่แปะกระดาษลงไปบนแผ่นเหล็กแล้วผมก็พ่นน้ำผสมเกลือลงไปโดยใช้ ฟ็อกกี้ แต่ปัญหาที่เจอคือ ลายละเอียดต่างๆ ที่ลอยไม่ติดแนบกับแผ่นเหล็กทำให้ละอองน้ำผ่านเข้าไปในส่วนที่เราไม่ต้องการ จึงทำให้เกิดรูปร่างที่ไม่สวยงามนัก และปัญหาที่เจออีกคือกระดาษเริ่มบวมหรือพองหลังจากโดนพ่นน้ำนั่นเองหลังจากนั้น 2 วัน ผมตัดสินในเปลี่ยนที่แปะแผ่นเหล็กทันทีหันมาใช้กระดาษกาวแทน ซึ่งได้ผลที่ดีมาก ครับการทำงานย่อยเกิดอุปสรรคอยู่แล้ว เอาแล้วครับ สู้ๆ ^ ^

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

RUST ( สนิม ) II ( เพิ่มเติมความรู้ )

เป็นโลหะส่วนที่มีการเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เนื่องจากได้รับปฏิกิริยาเคมีที่มีอากาศ น้ำ หรือความร้อนเป็นตัวการสำคัญทำให้โลหะมีคุณสมบัติแตกต่างไปจากเดิม เช่น สีที่เปลี่ยนไป มีความแข็งแรงลดลง และทำให้เกิดการผุกร่อน ตัวอย่างที่เราพบเห็นอยู่บ่อยๆ ได้แก่ เหล็ก จะมีสนิมอยู่ 2 ชนิด คือ สนิมสีน้ำตาลอมแดง หรือ สนิมสีแดง และสนิมสีดำ นอกจากนี้โลหะแต่ละชนิดจะมีสีสนิมที่แตกต่างกันด้วย
สนิม เกิดจากการทำปฏิกิริยากันระหว่าง ออกซิเจนและธาตุเหล็ก เกิดเป็นรอยของการเกิดการผุกร่อน เป็น Corrosion ประเภทหนึ่งซึ่งมักเกิดกับโลหะจำพวกเหล็ก



สีสนิมที่พบเห็นกันบ่อยๆ ด้านซ้ายคือนิมสีน้ำตาลอมแดง หรือ สนิมสีแดง และด้านขวาเป็นสนิมสีดำ

การเกิดสนิมมี 2 ลักษณะ ( อาจเกิดพร้อมกันก็ได้ )
คือ สนิมขุม และสนิมพื้นผิว ลักษณะของสนิมพื้นผิว คือแผ่ออกเป็นแนวกว้าง ส่วนสนิมขุมเริ่มต้นจากการเป็นจุด แต่เจาะทลวงลึกลงไปในเนื้อเหล็ก



ด้านซ้ายมือเป็นแบบสนิมพื้นผิวที่ขยายวงกว้าง ด้านขวาเป็นลักษณะสนิมขุมแต่เป็นแบบเกิดพร้อมกับสนิมพื้นผิว



การเกิดสนิมเป็นสัญญาบอกถึงความอ่อนแอลงของคุณภาพเหล็กชิ้นนั้น ความยืดหยุ่น ความแข็งแรง ได้ลดลง

การป้องกันไม่ให้เกิดสนิมได้นั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกันเนื่องจาก วิวัฒนาการสมัยนี้และบวกกับเทคโนโลยีล้ำยุค เช่นสีน้ำมันทางเคลือบเหล็ก สเปร์ผ่นเพื่อเคลือบผิวให้คงทนสวยงาม ฯลฯ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าละเลยปล่อยให้มีช่องว่างที่ให้อากาศและความชื้นสัมผัสได้แม้แต่จุดเล็กเพียงเท่ารูเข็มละก็ ...ไม่เหลือแน่ สนิมจะค่อยๆ กินแบบสนิมขุมก่อนแล้วก็แพร่ขยายวงกว้างเป็นสนิมพื้นผิว สีที่ทาก็จะหลุดออกมาทีหละนิด เป็นการกัดกินการโจมตีที่น่ากลัวจริง

NEW ! Number 5

วันนี้มีเก็บมาฝากครับ ตอนนี้พวกเราก็กำลังเรื่องพลังงาน ( ENERGY ) ล่าสุดมีสติ๊กเกอร์ประหยัดพลังงาน เอบร์ 5 ทำอกมาใหม่แล้วครับ จากเดิมที่ใช้กับเครื่องไฟฟ้าแค่ 7 อย่างเท่านั้น คงจะไม่ไหวซะแล้วคงต้องเพิ่มมาอีกเป็น



เบอร์ 5 energy savingm ประหยัดพลังงาน ประสิทธิภาพสูง นั่นเอง ลักษณ์คุณสมบัติของ สติ๊กเกอร์คือ จากเดิมที่ ติดเครื่องใช้ไฟฟ้าแค่ 7 อย่าง กลายมาเป็นวัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้อื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเตาแก๊ส รถยนต์ วัสดุก่อสร้าง บ้านที่ช่วยประหยัดพลังงานเป็นต้น

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

RUST ( สนิม )

ก็เริ่มลงมือทำซะที โดยการใช้เศษสนิมที่ไม่ใช้แล้วจริงๆ มาสร้างงาน Information Garphic ก็ลองทำดู เหตุที่เลือกสนิมมาทำงานเพราะสนิมเป็นของที่ไร้ค่าคนมองข้ามกันเยอะแล้วที่โรงงานที่บ้านก็มีเยอะมากดีกว่าปล่อยให้ปลิวไปไหนต่อไหน หรือส่งเข้าเตาหลอมอย่างเดียวเท่านั้น เลยลองหยิบมาทำงานดูเผื่อสื่ออะไรได้บ้าง



เศษผงสนิม



รูปบนก็เป็น Garphic ที่ทำจากสนิม โดยเห็นว่าในรูปจะเป็นรูปแผนที่โลก จะมีแค่สองสีคือเขียวและสีสนิม โดยสีสนิมนั้นเป็นตัวแทนของโรงงานอุตสาหกรรมที่กลืนกินพื้นที่สีเขียวเข้าไปเลรื่อยๆ แสดงถึงมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ทำร้ายสภาพแวดล้อมของโลก



ส่วนรูปนี้ก็ลองเป็นสนิมทั้งโลกดู ถ้าโลกกลายเป็นแบบนี้คงไม่สวยแน่ ลองทำออกมาดูเผื่อว่าจะได้เห็นมุมมองใหม่ ( รึป่าว ^ ^" )

Message จากแผ่นเหล็ก

หลังจากที่ได้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นเหล็กที่ติดมากับเหล็กเส้นทุกๆ มัด ว่ามี message อะบอกบ้าง



รูปร่างของแผ่นเหล็กที่นำมาเสนอ



บนแผ่นเหล็กจะมี อะไรบอกบ้าง

1. TYCONS คือชื่อของบริษัท
2. 3401532170 คือรหัสตัวเลขของบาร์โค้ด
3. 5.50 mm คือ size ของขนาดเหล็ก
4. 2055 kg คือน้ำหนักของเหล็กมัดนั้นๆ
5. SWRM คือ symbol ของตัวย่อที่มาจากคำว่า Low Carbon Steel Wire Rods
6. 12K คือเกรด ของเหล็กที่มา

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551

โรงงานเหล็ก

จากครั้งที่แล้วได้หลงทางไปผิดเรื่อง แต่อาจารย์ก็ได้หยิบยกหัวข้อมาให้ใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะหยิบมาเสนอ อาจเป็นเพราะมันใกล้ตัวเกินไปเนื่องจาก เป็นที่บ้านเอง เลยลืมไปสนิท มาเริ่มเลยดีกว่าครับ ผมจะเล่ากระบวนการ การแปลรูปจากเหล็กเก่าเป็นแบบใหม่ เท่าที่ศึกษามาแหละรู้เห็นมาจริง



นี่คือกระบวนการรีไซย์เคิล 2 วิธี ( อาจจะมีมากกว่านี้ แต่นำหยิบมาให้ดู 2 วิธ๊ )



ภาพนี้คือไปรับซื้อมาก่อนจะเข้ากระบวนการตัดแยก ชิ้นส่วนที่ใช้แล้วไม่ใช้



แยกเป็นกองๆ เพื่อง่ายต่อการจัดการขั้นต่อไป



ส่วนที่ตัดออกแล้วไม่ได้ใช้ไปกองไว้ในที่ๆ เตรียมส่งไปขายเศษเหล็กเพื่อไปทำการหลอมใหม่



ภาพม้วนเหล็กที่หลังจากผ่านการนำมารีไซย์เคิลใหม่มีหลายรูปแบบทั้งเส้นตรงธรรมดาและเป็นม้วน

จากที่กล่าวมาคือกระบวนการรีไซย์เคิลใหม่ของโรงงานเหล็กแห่งหนึ่งในสภาวะที่เหล็กแพงเขาจึงได้นำเหล็กเก่ามาทำใหม่เพื่อลดต้นทุนในการผลิตแต่ได้คุณภาพเหล็กใหม่ แต่เสียเวลาหน่อยในกระบวนการรีไซย์เคิล สามารถช่วยประหยัดได้ถึง 20 - 30 % นี่คือข้อมูลคร่าวๆ ในการรีไซย์เคิลเหล็กจึงยกมาให้อ่านกัน ขอบคุณมากครับ

สติ๊กเกอร์บอกระดับความอันตราย

จากครั้งที่แล้วที่ได้นำเสนอเรื่องขยะอันตรายในขณะที่ผมหลงทางเข้าไปผิดประเด็น แต่ก็ไหนๆก็เข้าเรื่องไปแล้วเลยนำเสนอนิดหน่อยที่ว่าด้วย ผมทำสติ๊กเกอร์ขึ้นมาไว้แปะทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะทุกสิ่งอย่างเป็นขยะหลังจากหมดความต้องการ ขยะแต่ชิ้นมีความอันตรายไม่เท่ากัน แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ที่นำมาใช้ใหม่โดยการ นำมาทำถุงใส่ พวกกล้วยทอดเป็นต้น หมึกที่พิมพ์อยู่บนกระดาษหนังสือพิมพ์นั้นมีสารจำพวกตะกั่วที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหากสะสมเข้าไปนานๆ หรือแม้แต่ กระป๋องกาแฟที่ตกอยู่ในสวนผัก แล้วฝนตกน้ำไหลผ่านกระป๋องจนเกิดเป็นสนิม น้ำที่ไหลผ่านนั้นได้ไหลไปสู้ วัชพืชที่เราปลูกไว้ซึมซาบเข้าไปในเนื้อผักเพียงเท่านี้ก็เกิดอันตรายได้โดยที่ไม่คาดคิด สติ๊กเกอร์ที่ลองทำขึ้นมานั้น จะมีสีที่บ่งบอกถึงความอันตราย ได้แก่ สีเขียว ( ไม่อันตราย ) ส้ม ( ความอันตรายน้อย ) แดง ( ความอันตรายปานกลาง ) เทา ( ระดับความอันตรายสูง ) ความอันตรายนั้นวตรจาก สารที่อยู่ในชิ้นขยะเช่น หลอดไฟอยู่ในเกรนสีเทา เนื่องจากมีสารปลอด สารตะกั่ว และอื่นมากกว่า 5 6 ชนิดด้วยกันเป็นต้น



นี่เป็นรูปทดลองแปะสติ๊กเกอร์บนกระป๋องความอันตรายอยู่ที่ระดับสีแดง



ส่วนภาพนี้เป็นรูปกล่องขนมความอันตรายระดับสีส้ม น้อย เป็นต้น

นี่คือเรื่องราวคร่าวๆ ที่หยิบยกมาให้อ่านกันอีกรอบถึงจะหลงทางไปบ้างแต่ก็ได้ทดลองเล็กๆ น้อยๆ ขอบคุณมากครับ

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

กินเยอะก็เกิดปัญหา

ในอาทิตย์แรกที่ผ่านมาได้เสนอเรื่องพฤติกรรมมนุษย์ไป ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ อย่างที่อาจารย์ได้บอกว่าเราไม่สามารถไปเปลี่ยนพฤติกรรมได้ทุกคนแล้วที่ผมหาข้อมูลไปนั้นมันเป็นพื้นฐานมากๆเลย ตอนเดินกลับไปนั้นก็ได้ยินอาจารย์เควินพูดว่า คุณไม่ลองลดการกินของคุณดูหละ ตอนแรกผมก็นึกว่าอาจารย์ล้อเล่น ผมก็มานั่งคิดดูที่ว่าให้เริ่มจากการลดพฤติกรรมของตัวผมเองก่อน ผมก็นั่งคิดไปเลื่อย อาทิตย์ที่ผ่านมาได้เข้าไปที่สวนจตุจักรมา ผมรู้สึกได้ว่าเดี๋ยวนี้สกปรกมากๆ ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยเศษอาหารและเศษขยะจากของกิน ผมก็ลองมานึกดูว่า เคยได้ยินข่าวที่เขาวิเคราะห์ว่า ขยะในโลกส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานของมนุษย์ ก็คิดต่อไปว่าเออผมก็เป็นคนนึงที่กินเยอะแล้วก็หน้ามืดเวลาหิวๆ แล้วลงไปซื้อของ ชอบซื้อเกินความจำเป็นที่ตัวเองจะกิน แล้วคนในโลกนี้เป็นล้านๆคน ทุกคนต้องกินทุกวัน อย่างน้อยก็วันละมื้อ เศษอาหารและขยะจากสิ่งที่ห่ออาหารมาเช่น ทุกพลาสติก โฟม เป็นส่วนมาก กระดาษก็มีแต่สิ่งนี้สามารถย่อยสลายได้ เมื่อขยะเยอะก็เกิดผลกระทบที่จะทำให้เสียพลังงานเพิ่มขึ้นตามไปกันอีก เช่น การเผา การหลอมไปใช้ใหม่ สิ้นเปลืองน้ำมันที่เอารถไปขนขยะที่ต่างๆ ทั้งสิ้นต้องสูญเสียพลังงานเป็นจำนวนมาก

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ENERGY

สวัสดีครับอาจารย์ที่เคารพและเพื่อนๆในสัปดาห์แรกที่ผ่านมาก็ได้ชม VDO สาระคดี กันไปแล้ว ใน Section ที่ 2 ก็ได้หัวข้อว่า ENERGY หรือว่า พลังงาน นั่นเอง ผมก็ลองกลับมานั่งคิดภาพรวมดู ในชีวิตประจำวันแต่ละวันในการสังเกตุของผม ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าที่พลังงานบนโลกที่หมดลงไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันนั้น ล้วนเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคของมนุษย์ ต่างคนต่างคิดว่าพลังงานที่ใช้อยู่นั้น ใช้จนตัวเองตายไปก็คงไม่มีวันหมด ทั้งๆที่บางคนก็รู้ว่ามันสามารถหมดจากโลกนี้ได้อย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น น้ำมัน เราดูดน้ำมันขึ้นมาใช้เลื่อยๆ ทีละน้อย ทีละน้อยเมื่อเทียบกับโลกที่เราอาศัยอยู่ น้ำมันที่ดูดขึ้นมาอาจจะเล็กแค่เป็นไม่กี่หยด แต่ลองคิดว่าโลกเป็นส้มแล้วเราเอาเข็มมาดูดน้ำออกไปเลื่อยๆ แม้ทีละนิดก็ตามแต่นานวัน นานเดือน นานปีไป วันนึงส้มใบนั้นก็จะแห้งแล้วฟีบไปในที่สุด แล้วถ้าโลกน้ำมันหมดละอะไรจะเกิดขึ้นถึงแม้มันอาจจะเป็นล้านๆปีก็ตาม ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ใช้พลังงานเกิดความจำเป็น อย่างเช่นลวดลายของด้ามปากกาที่มีส่วนทำให้สูญเสียพลังงานไปไม่น้อยใน 1 ล้านด้าม แค่การคุยโทรศัพท์ก็เป็นการใช้พลังงานเหมือนกันอาจจะเป็นสิ่งเล็กสิ่งน้อยที่โดนมองข้ามไปในทุกๆ วัน บางสิ่งบางอย่างมันอยู่ใกล้ตัวมากจนเราลืมนึกไปว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้พลังงานทั้งหมด แต่เราลืมคิดที่จะใช้มันอย่างรู้คุณค่าของมันให้มากที่สุด อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า ล้วนเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคพลังงานอย่างไม่รู้คุณค่า การบริโภคนิยม

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

สวัสดีครับ หลังจากวันนั้นที่ได้ส่งงานไป แล้วงานก็ไม่เป็นที่พอใจของอาจารย์อย่างมากเนื่องจาก งานของผมไม่ยอมเก็บรายละเอียดเหมือนงานไม่เสร็จ ผมจำคำพูดเปรียบเทียบที่อาจารย์ติ๊กบอกคนทั้งห้องไว้และคำพูดนั้น ผมจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจำให้เขาหัวไว้เสมอ พูดประมาณว่า " จะสร้างบ้านหรือสร้างห้องนอนมีที่ไหน เราปูกระเบื้องแต่ตรงที่นอน ส่วนตรงที่ไม่นอนไม่ปูมีที่ไหน " เลยไปบวกกับ ( ชีวิตก็คืองาน งานคือชีวิต ) ประมาณนี้มั้ง ^ ^
ผมว่าเป็นคำเปรียบที่เห็นภาพและจำขึ้นใจได้ดี "ขอบคุณมากครับ" ผมจึงได้กลับมาแก้ด้านหลังที่ไม่ได้แปะ Background ให้เรียบร้อย ไม่ปล่อยทิ้งโล่ง ส่วน ภาพของ Background ที่ผมนำมาใช้นั้น เป็นรูป icon นาฬิกาครับ ที่ใช้ icon รูปนาฬิกานั้น เพราะว่า ผมหยิบนำเอาโครงสร้างของนาฬิกามาเล่นกับงาน ที่ว่าด้วย 60 60 24 คือ 60 วิ 60 นาที 24 ชั่วโมง นั่นเอง หนังสือเล่มนี้มี 24 หน้า ในแต่หละหน้ามีรูป 60 รูป ที่มี 60 รูปเพราะ แทนด้วย 60 นาทีนั่นเอง นำมาเป็น กริต ในหนึ่ีงหน้า

ส่วนภาพด้านล่างนี้เป็นภาพขยาย icon ที่หยิบมาทำ Background



ส่วนด้านล่างนี่เป็นรูปโดยรวมของ Background หนึ่งแผ่น



ส่วนภาพด้านล่างนี้เป็น การเปิดหนังสือดูครับ

















ภาพรวมตอนกลางออก



หันหลังดูจะเห็น Background นะครับ



ซูมเข้าไปหน่อยยย



ด้านล่างนี้คือปกหลังครับ




แล้วก็เก็บ VDO มาฝาก เป็นเวลา 1 นาที 28 วิ เป็น VDO เกี่ยวกับการเปิด Book Art เล่มนี้ ก็พอมีภาพให้ดูแล้วแต่กลัวยังคิดภาพไม่ออกเลยเพื่อให้เห็นภาพมากที่สุดเลย อัดเป็น VDO มาด้วยครับ ลองชมดู

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

2 สัปดาห์สุดท้าย

ในที่สุดก็สู่สองอาทิตย์สุดท้าย ในสัปดาห์นี้คือการส่ง final จากที่ได้สืบๆ มา มีหลายคน มากหน้าหลายตา ที่ทำกันไม่ทัน อย่างน้อยผมก็หนึ่งในนั้นแต่ถึงจะทำไม่ทันอย่างไร ก็ต้องเอาไปส่งให้ดูก่อน ทำเท่าที่ทำได้ในตอนนี้ ตกลงแล้วผมก็ไปลงที่ book art ที่แนวเรื่องที่มาจาก โครงสร้างในการเดินหรือหมุนของนาฬิกาเข็ม แล้วก็วิเคราะห์ สรุปว่า นาฬิกาเข็มคือ 60 60 24 นั่นก็คือ 60 วิ 60 นาที และ 24 ชั่วโมง จึงนำเอาส่วนนี้มาเล่นกับ book art แนวเรื่องที่หยิบมาทำเป็นหนังสือคือชีวิตของผมเอง ตอนแรกคิดว่า micro macro คือทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเราทุกอย่างเป็น micro macro ได้หมด แต่ถ้าพูดถึงตัวเราก็อาจเป็นได้ว่า ตับ ไต ไส้ พุง กระเพาะ ฟัน ลิ้น ตา หู ขน ผม หัวใจ สมอง ฯลฯ คือ micro แล้วตัวเราเองคือ macro ดังนั้น ผมจึงขยับออกมาอีก จึงมาเล่นกับว่า ชีวิตที่ว่าส่วนตัว ความลับ สิ่งโปรปราน ความเป็นตัวเรา มาเป็น micro จึงได้ทำเป็น book art แบบว่า บอกสิ่งต่างๆ ในตัวเราออกมาเป็นรูปเล่ม โดยการนำเสนอของหนังสือนั้น ข้างในเล่มแบ่งเป็น คำนำ สารจากเจ้าของเล่ม สารบัญ แล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผม รวม 24 ชุด แต่หละชุดมี 60 รูป ดังนั้น ในเล่มนี้จะมีรูปถึง 1440 รูปด้วยกันที่บอกถึงตัวผมเอง แต่จะเสร็จทันหรือไม่ ต้องติดตามครับ ขอบคุณมากครับ

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2551

จังหวะและชุด

จากครั้งที่แล้วที่ได้เสนอเรื่องของการทำให้เกิด sequence ใหม่โดยการสลับตำแหน่งของเวลา จึงได้กลับมาคิดอีกรอบหนึ่งเผื่อมีทางอื่นนอกจากที่กล่าวไป ก็ได้ไปศึกษานาฬิกาและตัวเลขรวมถึงการเดินของตัวนาฬิกาเอง ( เพื่อไม่ให้กว้างเกินไปจึงศึกษานาฬิกาเข็มเท่านั้น ) ก็ได้สนใจตรงขีดของชั่วที่ให้จังหวะของเข็มเดิน



ช่องแต่หละช่องทำให้เกิดทั้ง จังหวะ และ micro macro จึงกะว่าจะนำตรงช่องของจังหวะนี้มาเป็นโครงสร้างของงานได้ โครงที่สังเกตนี้ อาจได้ทั้งในเรื่องของ จังหวะ และ ชุด ( Series ) ช่องแต่หละช่องมีจังหวะที่เท่ากัน มีการเดินที่เหมือนกัน และยังสามารถ วน กลับมาที่เดิม ซ้ำแล้วซ้ำอีก จากวินาทีจนไปถึงสหัสวรรษ โครงสร้างที่คิดว่าจะมาทำเป็นงานนั้น อาจจะเป็นการเรียง อย่างต่อเนื่องของจังหวะก็ได้ หรือเป็นชุดก็ได้ครับ

MACRO & MICRO

จากที่ได้สรุปตามความเข้าใจของตัวเอง micro คือสิ่งเล็กๆน้อย และเมื่อมารวมกันก็กลายมาเป็น macro จากที่ได้คิดทบทวน หัวข้อ macro micro
ก็คิดว่า macro และ micro อยู่รอบๆ ตัวเราทั้งนั้น ไม่ว่าจะหยิบอะไรขึ้นมา นั่นก็คือ macro micro ผมจึงตั้งหัวข้อที่จะใช้ดึงเอาความสนใจออกมาเอง
คือเมื่อตื่นมาอันดับแรกตัวผมเองคิดถึงสิ่งใด แล้วผลทดลองก็ได้มาคือ เวลา ( กี่โมงแล้ว ) แล้วก็มาตีออกอีกที มันเข้าไปเกี่ยวในเรื่องของตัวเลข
แล้วก็พยายามหาวิธีที่จะดึงออกมาทำงาน แล้วก็คิดดูคร่าวๆ ว่า ถ้าเวลาเกิดการสับเปลี่ยนในแต่ละวัน อาจทำให้เกิดสิ่งใหม่ได้ เลยคิดไปถึง การย้าย
ตำแหน่ง ก็อาจทำให้เกิด sequence ขึ้นมา จากในชั่วโมงที่แล้ว อาจารย์ทั้งสองท่าน ก็บอกว่าวิธีการทำงานพอไปได้แล้ว แต่เนื้อหาที่หยิบมาจะลงมือทำ
ยังไม่ได้จึงให้ไปหาวิธี เอาการทำงานไปลองหลายๆ อย่างดู

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2551

จากอาทิตที่แล้วที่ได้พรีเซ้นไป การทำงาน และ การเตรียมตัวที่ออกไปพรีเซ้น ส่วนตัวแล้ว พยายามทำไปให้น้อยที่สุด เพราะเกิดการกลัวอย่างนึงคือ กลัวว่าถ้าทำไปเยอะ อาจจะไม่ใช่เนื้อที่แท้จิง เลยทิ้งน้ำไปให้หมดเอาไปแต่เนื้อๆ แต่ที่ไหนได้พอไปถึง ทุกคนมีทั้งน้ำมีทั้งเนื้อ ขอแค่มีหลายหน้าให้ดูเป็นพอใช้ได้ ตอนนั้นผมคิดว่าผมมีน้อยที่สุดในห้องอย่างแน่นอน เพราะผมคัดแล้วคัดอีก พยายามทำหน้าให้น้อยที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่โดนว่า ว่าเอาอะไรมาหนะ เลยมีไปน้อยมากแล้วก็เลย ทำโมชั่นของงานชิ้นนึงไปเพิ่มเกี่ยวกับสายตาในการมองเห็น ของจังหวะสายตาเลยดึงเอารูปมาลงให้ดูอีกที